วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เลี้ยงลูกอย่างไรให้มีนิสัย รักการอ่าน


เลี้ยงลูกอย่างไรให้มีนิสัยรักการอ่าน
.การที่จะฝึกให้เด็กหนึ่งคนนั่งลงและตั้งใจอ่านหนังสือเป็นเรื่องเป็นราวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะเมื่อลูกมีสิ่งอื่นล่อใจ เช่น คอมพิวเตอร์ เกม ทีวี หรือเมื่อลูกอยากออกไปเล่นข้างนอก เรามีถึง 10 วิธีที่จะช่วยจูงใจให้ลูกที่ไม่ชอบอ่านหนังสือของคุณให้มีนิสัยรักการอ่าน
10 วิธีฝึกให้ลูกมีนิสัยรักการอ่าน

1. วิธีที่น่าจะได้ผลที่สุดคือ ให้ลูกได้ใช้เวลาอยู่กับหนังสือตั้งแต่เขาอายุยังน้อย จากนั้นก็ค่อย ๆ เริ่มปลูกฝังการอ่านให้กับลูกโดยที่ไม่มีสิ่งรบกวนอื่น เช่น ทีวี โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ให้ลูกคุณได้เลือกหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน จากนั้น เขาจะสร้างนิสัยรักการอ่านขึ้นมาเอง
2. ทำเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น หากคุณเองก็มีนิสัยรักการอ่านหรือคุณอ่านหนังสือทุกครั้งที่คุณมีเวลาและมีโอกาส ลูกน้อยของคุณก็จะเลียนแบบนิสัยรักการอ่านของคุณ
3. หาหนังสือแนวที่ลูกชอบมาให้เขาให้มากเท่าที่จะทำได้ เพราะการได้อ่านหนังสือแนวที่ตนชอบจะช่วยจุดประกายนิสัยรักการอ่านได้
4. สอนให้ลูกอ่านสิ่งอื่น ๆ ด้วย ไม่เฉพาะในหนังสือ เช่น สอนให้เขาอ่านฉลากข้างกล่อง หรือป้ายโฆษณา เป็นต้น
5. ทำให้การอ่านเป็นเรื่องสนุก! พ่อแม่ส่วนใหญ่จะอ่านหนังสือให้ลูกฟังตอนที่ลูกยังเล็กอยู่ แต่พอลูกโตขึ้นพวกเขาก็อ่านน้อยลง มีงานวิจัยพบว่า เด็กที่พ่อแม่อ่านหนังสือให้ฟังตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อเขาโตขึ้นและพ่อแม่เลิกอ่านหนังสือให้ฟัง พวกเขาจะคิดถึงเวลาที่พ่อหรือแม่อ่านหนังสือให้ฟัง ดังนั้น แม้ลูกคุณจะโตแล้ว คุณก็สามารถอ่านหนังสือให้ลูกฟังได้ โดยอาจสลับให้แต่ละคนในครอบครัวเป็นคนอ่านให้สมาชิกคนอื่น ๆ ฟัง
6. ให้หนังสือเป็นของขวัญกับลูก การที่พ่อแม่ให้หนังสือกับลูกจะเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับเขา โดยเฉพาะหนังสือที่เขาอยากได้ การทำเช่นนี้จะช่วยสร้างนิสัยรักการอ่านให้ลูกได้ และจะทำให้ทั้งคุณและลูกมีความสุขที่เห็นเขาได้ไปนั่งในมุมโปรดเพื่ออ่านหนังสือที่เขาชื่นชอบ
7. พยายามส่งเสริมให้ลูกรักการอ่านให้มาก ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับหนังสือที่เขาเพิ่งอ่านไป การทำเช่นนี้จะช่วยสร้างนิสัยรักการอ่านได้ การได้พูดคุยกับลูกเกี่ยวกับหนังสือที่เขาอ่านอย่างเป็นกันเอง แสดงถึงความเอาใจใส่และความสนใจที่คุณมีต่อหนังสือของเขาด้วย
8. หากลองวิธีอื่น ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นแล้วลูกยังคงไม่ชอบอ่านหนังสือ การใช้สิ่งล่อใจลูกให้อ่านหนังสือ ก็ไม่ผิดอะไร พ่อแม่บางคนใช้วิธีนี้เพื่อจูงใจให้ลูกอ่านหนังสือ และพวกเขาก็รักการอ่านในที่สุดและไม่เรียกร้องสิ่งตอบแทนด้วย
9. การมีสิ่งกระตุ้นเป็นอีกวิธีที่ใช้ได้ผล ไม่ว่าเด็กเล็กหรือเด็กโตก็ต้องการการยอมรับในความพยายามอ่านหนังสือของพวกเขาทั้งนั้น ลองให้ดาวหรืออะไรก็ได้ที่คุณคิดว่าจะทำให้ลูกรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้รางวัล ซึ่งแนวคิดนี้เป็นแนวคิดที่ดีพอสมควร
10.พาลูกไปห้องสมุดหรือร้านขายหนังสือ ไปในที่ที่มีหนังสือจำนวนมากเพื่อให้ลูกได้สนุกกับการสำรวจหนังสือต่าง ๆ มากมาย



แว่นขยายจากขวดน้ำ

1. ชื่อโครงงาน  “แว่นขยายจากขวดน้ำ” 
2.ชื่อผู้จัดทำโครงงาน
เด็กปฐมวัยชั้นอนุบาล  2/3  โรงเรียน.......................................
3.ชื่อครูที่ปรึกษา    ...................................................
4.ระยะเวลา         วันที่ 3 มีนาคม ถึงวันที่ 6 มีนาคม 2557
5. ที่มาและความสำคัญของการทำโครงงาน        
การบูรณาการการการเรียนรู้ เรื่อง“การหักเหของแสง” ที่ครูผู้สอนอธิบายให้เด็กได้ฟัง  ให้มองเห็นจากสื่อการเรียนการสอนที่นำมาประกอบการสอน  ตลอดจนปฏิบัติและทดลอง  ทำให้เด็กๆ ได้สัมผัสของจริง  จากกิจกรรมการทดลอง “การสร้างอุปกรณ์ขยายภาพด้วยตัวเอง” ทำให้เห็นว่าแว่นขยายทำให้มองเห็นวัตถุมีขนาดใหญ่ขึ้นจากเดิม ซึ่งในชีวิตประจำวันเรามองตัวเองในกระจก จะเห็นตังเองในกระจกมีขนาดเท่าเดิม ถ้าต้องการขยายภาพวัตถุเล็กๆให้มีขนาดใหญ่ขึ้นสามารถทำได้โดยใช้เลนส์นูนซึ่งอาจมองผ่านแจกัน แก้วหรือ
ขวดแก้วที่มีน้ำอยู่ รวมถึงใช้แว่นขยาย หรือกล้องจุลทรรศ์ส่องดู  จากกิจกรรมทดลอง“การสร้างอุปกรณ์ขยายภาพด้วยตัวเอง”ในโครงการ“บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย  ประเทศไทย” โยงไปสู่การสรุปเพิ่มเติมของครูผู้สอน  เพื่อให้เด็กเข้าใจในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มากขึ้น  โดย จัดกิจกรรมการเล่านิทาน และสำรวจสิ่งต่างๆรอบห้องเรียน โดยขณะที่ครูเล่านิทานให้เด็กใช้แว่นขยายจากขวดน้ำส่องตัวหนังสือและรูปภาพในนิทานตาม และให้เด็กๆส่องดูสิ่งต่างๆรอบห้องเรียน เพื่อการเรียนรู้บูรณาการที่หลากหลายจากวิทยาศาสตร์ โยงไปสู่
คณิตศาสาตร์ ศิลปะ เพอกรgเเพพและภาษาที่ใช้ในการสื่อสารให้เด็กได้  ฟัง  พูด  คิด  และปฏิบัติจนสำเร็จและได้แนวคิดไปปฏิบัติเพิ่มเติมเพื่อทบทวนเพิ่มเติมให้เด็กในกิจกรรม  “การสร้างอุปกรณ์ขยายภาพด้วยตัวเอง ”ให้เด็กเห็นถึงความสำคัญของการใช้แว่นขยายจากขวดน้ำ ทำไมตัวหนังสือและรูปภาพจึงขยายใหญ่ขึ้น ระยะห่างของการส่องทำไมเห็นรูปภาพหรือวัตถุมีขนาดแตกต่างกัน
6.  วัตถุประสงค์ของการทำโครงงาน
   6.1. เพื่อให้เด็กมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์                                                                              6.2.  เพื่อให้เด็กฝึกสังเกต  การคิด  การตั้งคำถาม  การค้นหาคำตอบด้วยตนเอง                                               6.3.  เพื่อให้เด็ก มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องแว่นขยาย และสนใจในการทดลองตามกระบวนการทางวิท
   6.4. เพื่อให้เด็กสนใจร่วมกิจกรรมและบูรณาการทักษะวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์   ศิลปะและภาษาไทย  
    6.5.  เพื่อให้เด็กพัฒนาพัฒนาการของเด็กปฐมวัยทั้ง  4  ด้านจากกิจกรรมอย่างมีความสุขเพื่อการจดจำที่ดี

7.  ขั้นตอนการทำโครงงาน
          7.1.  เด็กและครูร่วมกันสนทนา เรื่องราวจากนิทานเรื่อง  “ แกะเกเร”และสิ่งต่างๆรอบห้องเรียน 
           เด็กๆสังเกตตัวหนังสือ รูปภาพในนิทาน ที่มีขนาดเล็กและขนาดใหญ่ และสนทนาร่วมกันระหว่างตัวหนังสือ และรูปภาพที่มีขนาดเล็กและขนาดใหญ่มีความแตกต่างกันอย่างไร และสายตาของเรามองเห็นตัวหนังสือ และรูปภาพชัดเจนต่างกันอย่างไร
          7.2 แบ่งเด็กออกเป็นกลุ่มๆละ 4-5 คน เลือกผู้นำและหัวหน้ากลุ่ม เลขานุการกลุ่มละ 1 คน เพื่อคอยประสานงานและช่วยเหลือเพื่อนตามความจำเป็น เลขานุการออกมารับอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง
เช่น ขวดแก้วขนาดต่างๆ กรวย น้ำเปล่า สีผสมอาหาร หนังสือนิทาน กาละมัง พร้อมทั้งแนะนำขั้นตอนการทดลอง และคอยดูแลอย่างใกล้ชิดระหว่างการทดลอง
          7.3 จากนั้นครูให้เด็กเริ่มทำการทดลอง
                   7.3.1    เด็กทดลองใช้ขวดเปล่าที่มีขนาดแตกต่างกันส่องดูตัวหนังสือ รูปภาพในนิทาน
                   7.3.2 เด็กทดลองเทน้ำใส่ขวดที่มีขนาดแตกต่างกัน พร้อมกับครูเล่านิทานและเด็กๆใช้ขวดน้ำขนาดต่างๆส่องตัวหนังสือและรูปภาพในนิทาน
                   7.3.3 เมื่อฟังนิทานจบให้เด็กใช้ขวดน้ำส่องดูสิ่งต่างๆรอบห้องเรียนตามความสนใจ
7.4.  เด็กและครูร่วมกันสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะที่ใช้แว่นขยายจากขวดน้ำขนาดต่างกันและส่องดูตัวหนังสือ รูปภาพ และสิ่งต่างๆรอบห้องเรียน
          7.4.1 จากการทดลองใช้ขวดเปล่าที่ยังไม่เติมน้ำส่องดูตัวหนังสือ รูปภาพ ปรากฏว่า ตัวหนังสือและรูปภาพมีขนาดเท่าเดิม
7.4.2 จากการทดลองเทน้ำใส่ในขวดน้ำที่มีขนาดแตกต่างกันแล้วส่องดูตัวหนังสือ รูปภาพ สิ่งต่างๆรอบห้องเรียนปรากฏว่า ขวดน้ำขนาดต่างกันก็สามารถส่องและขยายขนาดของสิ่งต่างๆให้ใหญ่ขึ้นได้
7.4.3 จากการทดลองเด็กๆพบว่าเมื่อส่องตัวหนัง รูปภาพ และสิ่งต่างๆรอบห้องเรียนในระยะห่างที่เหมาะสมจะทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น และเด็กทดลองเติมสีใส่ลงไปในน้ำก็มองเห็นรูปภาพขยายใหญ่เหมือนกันแต่ไม่ค่อยชัดเจนเหมือนขวดน้ำที่ไม่เติมสี
7.4.4 ขวดน้ำที่ใส่น้ำไม่เต็มและมีฟองอากาศ เมื่อส่องผ่านฟองอากาศจะทำให้เห็นวัตถุมีขนาดเท่าเดิม  เพื่อให้เด็กมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น และครูต้องการบูรณาการความรู้ที่เกิดขึ้นให้เด็กได้รับพัฒนาการการเรียนรู้ด้วยความเข้าใจ  สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ในอนาคต  เช่น
7.4.4.1  พัฒนาการการเรียนรู้วิทยาศาสตร์  เด็กได้เรียนรู้เรื่อง  “แว่นขยายจากขวดน้ำ”ขวดใส่น้ำก็สามารถส่องสิ่งต่างและขยายให้มีขนาดใหญ่ขึ้นใช้ส่องแทนแว่นขยายในเบื้องต้นได้
7.4.4.2  พัฒนาการการเรียนรู้คณิตศาสตร์   เด็กได้เรียนรู้เรื่อง  รูปทรงต่างๆ  ขนาด
         การคาดคะเน
                   7.4.4.3  พัฒนาการการเรียนรู้ศิลปะ  เด็กได้เรียนรู้เรื่องสี จะคงสีเดิมเมื่อส่องผ่านแว่นขยาย จากขวดน้ำ
          7.5  การนำเสนอผลงานของตนเอง  ทั้งรายบุคคล  และรายกลุ่ม
7.6  ครูสรุปเพิ่มเติมเรื่อง “แสง สี และการมองเห็น” (การหักเหของแสง) การทดลองนี้เด็กๆจะได้รู้เรื่องเลนส์นูนมีคุณสมบัติรวมแสงและขยายภาพของวัตถุเล็กให้มีขนาดใหญ่ขึ้น การเดิมน้ำลงในภาชนะทรงกระบอก เช่นขวดแก้ว เพื่อใช้แทนเลนส์รวมแสงได้ แว่นขยายแต่ละอันจะมีระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างเลนส์กับวัตถุแตกต่างกัน แต่เราสามารถหาระยะห่างที่เหมาะสมได้โดยการขยับแว่นขยายเข้าออกจากวัตถุ เรามองเห็นวัตถุหลังขวดน้ำมีขนาดขยายใหญ่ขึ้น เนื่องจากแสงที่เดินทางจากอากาศไปยังน้ำเกิดการหักเห





 8.  ผลการทำโครงงานของเด็กปฐมวัย 
เด็กมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์  ได้รับรู้เรื่องราวจากสื่อด้วยการสังเกต  รู้จักคิด  ตั้งคำถาม
และค้นหาคำตอบด้วยตนเอง   มีความเข้าใจ  สนใจในขั้นตอนการทดลองวิทยาศาสตร์   สามารถบูรณาการได้หลากหลาย  เช่น  วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์   ศิลปะและภาษาไทย     พัฒนาพัฒนาการของเด็กได้ครอบคลุมทั้ง  4  ด้าน  จากกิจกรรมอย่างมีความสุขและจดจำ  สนทนาโต้ตอบ  เล่าเรื่องราวจากการทำกิจกรรมได้อย่างมีความสุข  เรียนรู้การทำงานจากง่ายไปหายาก  ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขตรงตามมาตรฐานและกรอบงานที่สังคมกำหนดได้อย่างถูกต้อง  มีความคิดรวบยอดในการเรียนรู้  แสวงหาคำตอบให้ตนเองด้วยวิธีการที่หลากหลาย

       9.  สรุปผลที่เกิดจากสิ่งที่ได้เรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ของการทำโครงงานและผลจากการทำโครงงาน
9.1   เด็กมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์                                                              9.2.  เด็กเป็นคนชั่งสังเกต  กล้าคิด  ชอบตั้งคำถาม  การค้นหาคำตอบด้วยตนเอง                         9.3. เด็กมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องแว่นขยาย และสนใจในการทดลองตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์                                                                                                        9.4.  เด็กสนใจทำกิจกรรมและมีบูรณาการทักษะวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์   ศิลปะและภาษาไทย
9.5. เด็กมีพัฒนาพัฒนาการของเด็กปฐมวัยทั้ง  4  ด้านจากกิจกรรมอย่างมีความสุขเพื่อการจดจำที่ดี เด็กมีพัฒนาการด้านใดเพิ่มขึ้นบ้าง

จากกิจกรรมการบูรณาการการเรียนรู้ที่หลากหลายทำให้กิจกรรมการทดลองประสบผลสำเร็จ  และ
สิ่งเกิดขึ้นใหม่กับเด็กๆ  เช่น ทำให้เด็กได้รับการพัฒนาที่ครอบคลุมพัฒนาการทั้ง  4  ด้าน  คือ 
1.  ด้านร่างกาย  กล้ามเนื้อใหญ่ – กล้ามเนื้อเล็ก  ใช้ได้คล่องแคล่ว  และประสานสัมพันธ์กัน 
2.  ด้านอารมณ์จิตใจ  เด็กมีสุขภาพจิตดี  มีความสุข  เด็กชื่นชม และแสดงออกทางศิลป 
3.  ด้านสังคม  เด็กสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข  ตลอดจนเป็นสมาขิกที่ดีของกลุ่มได้ 
4.  ด้านสติปัญญา  มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และมีทักษะในการแสวงหาวามรู้  สามารถบูรณาการการเรียนรู้  วิทยาศาสตร์ไปสู่ทักษะคณิตศาสตร์   ศิลปศึกษา และมีความสามารถในการใช้ภาษาสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจได้ถูกต้อง 
จากกิจกรรมที่สนุกสนานทำให้เด็กๆ  จดจำการเรียนรู้ได้ดี  มีความคิดสร้างสรรค์  และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ดี  และเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้ ในระดับประถมศึกษาหรือชั้นสูงต่อไป                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                     




บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ตอน การระเหย

รายการ "บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย" เป็นรายการวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย นำเสนอรูปแบบแอนิเมชั่นผสมการทดลองวิทยาศา­สตร์ เพื่อปลูกฝังการเรียนรู้อย่างสนุก สร้างสรรค์ ให้เด็กและเยาวชนได้ฝึกฝน ประสบการณ์ และพัฒนาทักษะสติปัญญา ใช้ความคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล รู้จักตั้งคำถาม และทำการทดลองด้วยตนเอง อีกทั้งรู้จักใช้จินตนาการ เพื่อเชื่อมโยงความรู้ไปสู่การคิดค้น ทดลอง และประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ ได้ในอนาคต

ตอนนี้ แก่น แก้ว เจ้าเหมียว และคุณมังกร จะพาคุณน้องๆหนูๆไปพบกับไปพบประสบการณ์แสน­สนุก ใน “รายการ บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ตอนที่ 33 การระเหย” เริ่องสนุกแบบนี้ มีอยู่ทุกทีที่นี่